บัพฟาโล บิลล์ (Buffalo Bill) เป็นวีรบุรุษคาวบอยตัวจริงที่ไม่เคยเป็นโจรเหมือนคาวบอยยุคตะวันตกที่มีชื่ออีกหลายคน ซึ่งชอบเอามาสร้างหนังอุปโลกให้เป็นวีรบุรุษกันในยุคหลังๆ ชื่อจริงเขาคือ วิลเลียม เฟรดเดอริค โคดี้ ( William Frederick "Buffalo Bill" Cody (February 26, 1846 – January 10, 1917) ) แต่นักเขียนหลายคนก็เคยล้อเลีบนเขาว่า เขาเป็นคาวบอยที่ไม่เคยประกอบอาชีพคาวบอย เพราะเขาไม่ใช่คาวบอยต้อนวัว แต่เป็นพรานป่า และคนนำทางให้ทหาร และกลายมาเป็นทหารลาดตระเวณภายหลัง
บิลล์ เป็นคาวบอยขี่ม้าที่มีสายตายาวไกล เขาคือผู้บุกเบิกตั้งเมือง โคดี้ ในไวโอมิงอย่างเป็นระบบ ถึงขนาดขอให้ประธานาธิบดี รูสเวลท์ เพื่อนเก่า ให้สร้างเขื่อนกักน้ำสำหรับเมืองที่สูงสุดในโลกในยุคนั้น และทั้งเมืองก็ใช้ไฟฟ้าจากเขื่อนนี้
บิลล์เกิดในไอโอวาในปี 1846 พ่อของเขา Isaac Cody เป็นคนแอนตี้การมีทาส ถูกแทงโดยพวกที่สนับสนุกการมีทาสในการพูดไฮปาร์ค 2 แผล และต้องพาครอบครัวหลบหนีจากพวกชาวบ้านที่อยากมีทาส ซึ่งพยายามฆ่าเขา วันหนึ่งบิลล์อยู่ในเมือง แอบรู้เรื่องชาวบ้านวางแผนฆ่าพ่อโดยการทำทีไปเยี่ยมที่บ้าน เขาขี่ม้า 30 ไมล์ทั้งๆ ที่ยังป่วยเพื่อไปเตือนพ่อเขา จนรอดมาได้ พ่อเขาพยายามรวบรวมครอบครัวที่ต่อต้านการมีทาสมาอยู่ด้วยกัน 30 ครอบครัว เพื่อเสริมกำลังพวกต่อต้านการมีทาส แต่แผลถูกแทงรักษาไม่หายสนิทจนติดเชื้อเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อพ่อตาย บิลล์ โคดี และครอบครัวก็ตกระกำลำบาก เขาต้องทำงานกรรมกรรับจ้างทุกอย่างเพื่อช่วยครอบครัว เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นปี 1859 เขาออกไปแสวงโชคในเหตุกาารณ์ตื่นทอง Pikes Peak gold rush แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงไปสมัครเป็นคนขี่ม้าส่งสารของบริษัท Pony Express ด้วยอายุแค่ 14 ปี(1860) บริษัทนี้ขาดทุนย่อยยับ อยู่ได้ไม่ถึงปีก็ปิดตัวลง บิลล์ชอบล่าควายป่ามาเป็นอาหาร ตอนหลังเขาต้องทำเป็นอาชีพ โดยเอาเนื้อควายไปขายให้กองทหารที่ไปตั้งค่ายในแดนตะวันตก เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองเขาก็สมัครเป็นทหาร มีหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนอยู่ตามชายแดนเนื่องจากเขารู้จักพื้นที่ดีขณะเป็นพรานล่าควายป่า เขาได้ยศถึงพันเอกและได้เหรียญกล้าหาญในการรบ
หนังชีวิประวัติ บัฟฟาโล บิลล์ จาก youtune
เมื่อสงครามสิ้นสุด โคดี้ประกอบอาชีพโดยรับจ้างเป็นคนนำทางให้กองทหารม้าตามชายแดน พร้อมๆ กับออกล่าควายป่าเพื่อส่งเนื้อขายให้คนงานสร้างทางรถไฟ ในปี 1868 มีการท้าทายแข่งขันล่าควายป่ากับพรานล่าควายที่มีชื่อเสียงมากอีกคนชื่อ Bill Comstock แต่โคดี้ชนะ เขาฆ่าควายได้ 69 ตัว ต่อคู่แข่ง 48 ตัว จึงได้ชื่อเล่นว่า Buffalo Bill หรืออาจแปลได้ว่า ควายบิลล์ ตั้งแต่นั้นมา
ต่อมา ควายป่าหายาก การสร้างทางรถไฟก็เสร็จสิ้น โลกเปลี่ยนไปจากยุคคาวบอยขี่ม้าล่าควายป่ามาเป็นใช้รถยนต์ เครื่องจักรต่างๆ บัพพาโรบิลล์ไม่สามารถหาเลี้ยงชีพด้วยการขายเนื้อควายป่าอีกต่อไป เขาประสบปัญหา ชีวิตตกต่ำ กลายเป็นไอ้ขี้เมา
บัฟฟาโล่ บิลล์ กับ ซิตติ้ง บูลล์ หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงที่มีชื่อเสียงมาก ผู้สังหารนายพลคัสเตอร์ ซึ่งกลายมาเป็นนักแสดงของเขา | Buffalo Bill กับดาราในคณะการแสดงของเขา ผู้หญิงน่าจะเป็น แอนนี่ โอ๊กเล่ย์ สุดยอดนักแม่นปืนหญิง |
แต่ชื่อเสียงของบัฟฟาโล บิลล์ แต่หนหลังยังคงดังก้องอเมริกา มีคนติดต่อให้เขาไปแสดงตัวตามงานต่างๆ มากมาย ผู้คนชอบให้เขาเล่าประสบการณ์ตามชายแดนให้ฟังและชื่นชอบกันมาก ในที่สุด ในปี 1872 เขาก็ได้ความคิดตั้งบริษัทแสดงการขี่ม้ายิงปืนล่าอินเดียนแดงขึ้น ในชื่อ "Buffalo Bill's Wild West" โดยทำเป็นคาราวานออกท่องเที่ยวแสดงไปตามที่ต่างๆ ธุรกิจของเขารุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ มีอายุกว่า 30 ปี จนกลายเป็นธุรกิจคาวบอยโชว์ต้นตำหรับของโลก เขายกคณะไปโชว์ที่อังกฤษเป็นเวลาถึง 10 กว่าปี
ผู้คนชื่นชมบัฟ ฟาโล่บิลล์จากอดีตความเป็น คาวบอยสุภาพบุรุษยิงปืนแม่น เป็นทหารลาดตระเวนมือฉกาจ เป็นคาวบอยพรานป่าที่มีชื่อ เป็นคนมีคุณธรรมสูง เขาต่อต้านการมีทาส และยิงเมื่อจำเป็นเท่านั้น
ในหนังประวัติของเขาบางเรื่อง แสดงให้เห็นถึงอารมณ์อันปรวนแปรของเขาในบางครั้ง เนื่องจากไม่พอใจกับชีวิตที่ต้องขี่ม้ายิงปืน ฆ่าอินเดียนแดง เพียงเพื่อโชว์หาเงินเลี้ยงชีพ เขาจึงเกเรกับการแสดงบ่อยๆ ไม่ยอมออกไปเข้าฉาก
ผลงานที่ฝากไว้จนวันนี้อย่างถาวรก็คือ การบุกเบิกตั้ง เมือง โคดี้(Cody) ในรัฐไวโอมิง ซึ่งอยู่ในที่ราบ Big Horn Basin ที่เชื่อมต่อไวโอมิงกับมอนตานา เป็นพื้นที่ต่อเนื่องกับดินแดนประวัติศาสตร์การรบระหว่างอเมริกันกับอินเดียนแดงที่มีชื่อที่สุด คือเหตูการณ์ Battle of the Little Bighorn (June 25 and 26, 1876) ที่นายพล คัสเตอร์(George Armstrong Custer) พลาดการรบแนวกลยุทธ ถูก Sitting bull หัวหน้านักรบอินเดียนแดงล้อมฆ่าตายเรียบทั้งกองพล
การตั้งเมืองนี้ เริ่มจากบัฟฟาโล่ บิลล์ ไปสำหรวจพื้นที่แถว Big Horn Basin กับ ศ.จ. O.C. March จากมหาวิทยาลัย Yale ในปีช่วงปี 1870 เพื่อหาแหล่งพลังงานธรรมชาติ ได้เห็นความเป็นไปได้ในการพัฒนาพื้นที่รอบๆ Yellowstone National Park อย่างมากมาย รวมทั้งศักยภาพของพื้นที่ด้านการเกษตร ความสวยงามของพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยว มีปลาและสัตว์ให้ล่าอย่างมากมาย (http://www.codychamber.org/live-in-cody.cfm?ID=18) ผิดจากความเชื่อที่คนอเมริกันสมัยก่อนกลัวที่ราบกว้างใหญ่ เพราะคิดว่าไม่มีน้ำและต้นไม่ใหญ่ มีแต่อันตรายจากธรรมชาติและอินเดียนแดง พวกเขาจะเลี่ยงตั้งเมืองในบริเวณนี้
การค้นพบดังกล่าว ทำให้บิลล์ ตัดสินใจผลักดันให้มีการพัฒนาใหญ่หลวงในพื้นที่นี้ และกลับไปอยู่ที่นี่ในช่วงปี 1890 เป็นต้นมา การสร้างเมืองมีการวางแผนอย่างทันสมัย โดยมีสายตาของธุรกิจท่องเที่ยวที่ก้าวหน้ามาก เช่น ผังถนน ทางรถไฟ ถนนไปสู่ Yellowstone National Park ต่อจากทางรถไฟสาย Burlington เพื่อดึงนักท่องเที่ยว บิลล์ผลักดันโครงการเองทั้งหมด รวมทั้งสิ่งอำนวยความจะดวกให้นักท่องเที่ยว เช่น ฟาร์มม้าและวัวชื่อ TE Ranch ที่มีชื่อเสียง 30 ไมล์ตอนใต้ของเมือง เพื่อให้เป็นที่พักม้าและวัวที่เขานำมาจากเนบราสก้และเซาน์ ดาโกต้า ฟาร์มนี้มีพื้นที่ถึง 32 ตารางกิโลเมตร
เขาตั้งโรงแรมที่พักตามเส้นทางท่องเที่ยวหลายแห่ง ในปี 1902 ตั้งโรงแรมที่โด่งดังมากชื่อ ไอล์มา(Irma ชื่อลูกสาวของเขา) ที่ได้รับการกล่าวขานถึงว่า Hotel in the Rokies และยังมีที่อื่นๆ อีก เช่น Wapiti Inn, Pahska Tepee โดยได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อศิลปินเจ้าของไร่ที่โด่งดังคือ Abraham Archibald Anderson
เมืองที่เขาและเพื่อนๆ ช่วยกันตั้งขึ้นนี้ถูกตั้งชือว่า Cody ในปี 1895 ·
ไม่น่าเชื่อว่า มีโครงการที่มีค่าอย่างใหญ่หลวงต่อคนอเมริกันในเมืองนี้มากมาย ที่ บัฟฟาโล่ บิลล์ ได้ผลักดันผ่านเพื่อนเก่า ประธานาธิบดี Teddy Roosevelt และเพื่อนฝูงนักธุรกิจ ผมขอสรุปไว้เป็นตัวอย่าง ดังนี้
- Shoshone Dam หรือ Buffalo Bill Dam เขื่อเก็บน้ำที่สูงที่สุดในโลกในยุคนั้น เริ่มโครงการโดยบิลล์และพวก แต่ขาดเงิน จึงโอนให้รัฐรับไปในปี 1903 สร้างเสร็จในปี 1910 ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น Buffalo Bill Dam ในปี 1945 ใช้น้ำเพื่อการเกษตรและให้พลังไฟฟ้าแก่คนทั้งเมือง ในรูปด้านซ้ายถ่ายปี 1924 ด้านขวา 1926 ถนนที่เห็นคือ โคดี้ โรด
- Shoshone National Forest ป่าสงวนแห่งชาติอเมริกันแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งขึ้นในปี 1891 มีพื้นที่ 2.4 ล้านเอเคอร์
- Cody's Chamber of Commerce หอการค้าเมืองโคดี้
- Cody Stampede and Rodeo (1922) งานโรดิโอของเมืองที่ยังมีอยู่ทุกวันนี้ จนได้ฉายาว่า Cody , Rodeo Capital of the World
- Whitney Gallery of Western Art (1959) หอศิลป์วิทเนีย์
- Pahaska Tepee ที่พักนักท่องเที่ยวที่มาตามถนน Cody Road ตามแม่น้ำ Shoshone River เป็นกระท่อมล่าสัตว์เก่าของบัฟฟาโล่ บิลล์ ออกแบบใหม่โดยศิลปินนักวาดภาพเหมือน แอนเดอร์สันในปี 1902-1903 เปิดอย่างเป็นทางการ July 5, 1904 โดยบิลล์จัดนักท่องเที่ยวออกปาร์ตี้ล่าสัตว์จากที่นี่เป็นเวลาถึง 10 วัน ปัจจุบันที่นี่เปิดให้เป็นรีสอร์ทภูเขา ได้รับการจดทะเบียนเป็น National Register of Historic Places ในปี 1973
ในตอนหลัง บิลล์กลายเป็นคนปกป้องสิทธิให้พวกอินเดียนแดง สนับสนุนการหาถิ่นที่อยู่ให้พวกเขา และสนับสนุนสิทธิสตรี ช่วยรณรงค์รักษาควายป่าไม่ให้สูญพันธ์ ถึงกับออกพูดในที่สาธารณะเพื่อรณรงค์เรื่องเหล่านี้ นับว่าเป็นต้นแบบคาวบอยที่ดียิ่ง
มีคนดังหลายคนที่มีชื่อมาจากการได้ร่วมงานกับเขา เช่น แอนนี โอคเลย์(Annie Oakley), ไวล์ด บิลล์ ฮิกคอก (Wild Bill Hickok)
จุดจบที่น่าเศร้า
ชะตาชีวิตของ บัฟฟาโล บิลล์ มีความผกผันสูง เป็นอุทาหรณ์ที่คนปัจจุบันควรศึกษา และนำไปเป็นบทเรียนที่ควรระมัดระวัง ในการประคองชิวิตให้อยู่รอดปลอดภัยในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ความยิ่งใหญ่ในอดีต และโครงการใหญ่โตที่เขาร่วมกับเพื่อนๆ ได้ทำไว้ การได้เป็นเศรษฐีเงินล้านหลายครั้ง เป็นสิ่งทีไม่ได้อยู่กับตัวเขาอย่างยังยืนตลอดชีวิต เขาได้มา เนื่องจากชื่อเสียงในวัยหนุ่ม และรายได้จาก Buffalo Bill's Wild West Show เป็นหลัก
เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ความเจริญอย่างอื่น เครื่องจักร หนัง ทีวี วิทยุ ได้เข้ามาแทนที่ Buffalo Bill's Wild West Show ก็ถึงจุดตกต่ำ เพื่อนเก่า Nate Salsbury ที่เป็นผู้จัดการเคียงบ่าเคียงใหล่ในธุรกิจของบิลล์ได้เสียชีวิตไปในปี 1902 ไม่มีใครมาคอยหยุดบิลล์จากนิสัยเสียเก่าๆ ของเขา นั่นคือ ติดเหล้า ผู้หญิง และความใจป้ำ ที่นำไปสู่การลงทุนผิดพลาด
ในปี 1912 บัฟฟาโล บิลล์ ต้องกู้เงิน 2 หมื่นเหรียญ เพื่อหาทางจัดการแสดง ไวล์ด เวสต์ โชว์ ขึ้นมาอีกที่ เดนเวอร์ โคโลราโด (มีการปรับปรุงเรื่องตอนนี้ไปอยู่ในฉากหนึ่งของหนังเรื่อง Lonesome Dove ภาคหนึ่ง โดยแต่งเรื่องให้พระเอก นิวท์ เป็นคนช่วยให้บิลล์จัดการแสดงครั้งนี้ได้ โดยหยุดเขาจากการเอาเงินไปกินเหล้า เล่นการพนัน เป็นตอนที่สนุกเหมือนกัน )
แต่เปิดการแสดงได้ 1 ปี ก็ถูกนายอำเภอเดนเวอร์ปิดโรงแสดง เนื่องจากเขาไม่สามารถจ่ายเงินที่ยืมมาได้ตามกำหนด ท้ายสุด บิลล์ ต้องถูกบังคับให้เป็นนักแสดงในโรงแสดงละครสัตว์ของ Harry Tammen คนที่เขากู้เงินมานั้นเอง
ด้วยการลงทุนผิดพลาด หนี้สินเพิ่มพูน ทำให้บิลล์ไม่สามารถเกษียณจนทิ้งการแสดงไปได้จนตลอดชีวิต เขาเลิกเหล้าได้จริงๆ ก่อนตาย 1 ปี ป่วยด้วยโรคใตและตายที่บ้านของน้องสาวที่ เดนเวอร์ โคโรลาโด เมื่อ 10 มกราคม 1917 ด้วยอายุ 71 ปีเท่านั้น โดยมีทรัพย์สินรวมเหลือไม่ถึง 1 แสนดอลลาร์ เขาได้รับการ Babtize เป็นคริสต์ศาสนิกชนนิกายคาธอลิค 1 วันก่อนเสียชีวิต (เขาอยู่อย่างคนไร้ศาสนามาตลอด) ร่างของเขาถูกฝังไว้ที่ Lookout Mountain ทางตะวันตกของเมือง Golden, Colorado.เป็นเนินเขาขอบๆ ภูเขาร็อคกี้ ที่ทอดสายตาลงสู่ The Great Plain ทุ่งราบที่กว้างใหญ่ไพศาลที่มีชื่อที่สุดของอเมริกา
++++++++++++++++++++++++++
วันนี้ขอแนะนำหนังตะวันตกอิงประวัติศาสตร์ เรื่อง "บัฟฟาโล บิลล์" ที่ทำให้คิดถึงเรื่องคดี "ฆ่าเสือดำ" ขึ้นมาไม่น้อย เป็นหนังชีวประวัติตอนหนึ่่งของ William Frederick "Buffalo Bill" Cody (February 26, 1846 – January 10, 1917) ที่คนไทยคงรู้จักกันดีจากหนังตะวันตกที่คนทำออกมา หลายเวอร์ชั่น ช่วงนี้มีการเอาหนังเก่าสร้างในปี 1944 มาโชว์ทาง youtube เป็นหนังที่หาดูได้ยากและสร้างได้ดีมาก พระเอกเป็นคนที่หล่อ แบบ "Dark, Tall and handsome" จริงๆ มีฉากสงครามอินเดียนแดง ที่กองทหารอเมริกันรบกับนักรบอินเดียนแดงหลายเผ่า ซึ่งรวบรวมโดยหัวหน้าเผ่าไชแอนชื่อ เยลโล่ แฮนด์ (Yellow Hands แปลว่า มือเหลือง) ซึ่งถ่ายทำจากการใช้คนและม้าแสดงจริง ไม่ใช่กราฟฟิกส์เหมือนสมัยนี้ และปัจจุบันคงทำไม่ได้แล้ว ตามประวัติบางแห่งเขียนไว้ว่า "มือเหลือง" เป็นคนที่บัฟฟาโล บิลล์ เคยช่วยชีวิตไว้ และมีการศึกษาดี พูดอังกฤษได้ดี น้องสาวของเขาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้คนขาวในตะวันตกด้วยซ้ำ และหลงรักบิลล์อยู่นอกจากนี้ มีฉากแสดงให้เห็นการล้างผลาญควายไบซันอย่างทารุณ โดยธุรกิจท่องเที่ยวที่ทำลายธรรมชาติ ซึ่งเริ่มต้นโดยพ่อตาของบัฟฟาโลบิลล์ ที่เป็นส.ส. ขอให้บัฟฟาโล บิลล์ พาพวกเพื่อนผู้ดีร่ำรวยไปล่าควายป่า แล้วเอารูปไปอวดกัน จนเกิดความนิยมขึ้นอย่างมากมาย มีการทำแข่งขันกันขึ้นหลายราย ทำให้ควายป่าถูกยิงตายเพื่อความสนุกของพวกคนรวยเดือนละประมาณถึง 5000 ตัว ที่หวังได้แค่ การถ่ายรูปคู่กับควายป่าที่ตนยิงตายเท่านั้น ซากควายไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ นอกจากพวกขายหนังสัตว์ลอกนำไปขาย เนื้อและกระดูกปล่อยให้เน่าอยู่ในทุ่งหญ้าเต็มไปหมด จนควายป่าเริ่มสูญพันธุ์ พวกอินเดียนแดงที่ใช้ควายเป็นอาหาร เครื่องนุ่่งห่ม และใช้หนังสร้างกระโจม เริ่มล่าควายไม่ได้ และอดหยาก เรื่องนี้นำไปสู่สงครามอินเดียนแดงในเวลาต่อมา เพราะ มือเหลือ ทนไม่ได้ จึงไปรวบรวมอินเดียนแดงหลายเผ่า โดยเฉพาะเผ่า ซู มาขับไล่คนตะวันตก และต่อสู้กับทหารอเมริกันที่เข้ามาคุ้มครองชาวอเมริกันตะวันตกฉากจากหนังประวัติบัฟฟาโล บิลล์ ตอนหนึ่งที่ผมชอบมาก อาจเป็นการใส่ไข่เกินความจริงไปบ้างแต่ก็น่าดู และเป็นการตบหน้าชาวอเมริกันผู้ดีในตะวันออกอย่างแรง คือตอนนี้หลังการรบอันดุเดือดในสงครามอินเดียนแดงจน Yellow Hand หัวหน้าเผ่าที่เป็นเพื่อนกับบัฟฟาโล บิลล์ ตายในที่รบ ซึ่งบิลล์รับหน้าที่เป็นพลลาดตระเวนนำกองทหารไปรบกับทหารอินเดียนแดง สื่อมวลชนต่างตีพิมพ์ยกย่องสรรเสริญ "บัฟฟาโล บิลล์" กันยกใหญ่ จนเขากลายเป็นฮีโร่ไปทั่วประเทศ มีคนเอาเรื่องเขาไปใส่ไข่ เขียนเป็นหนังสือการ์ตูนขายดีได้รับความนิยมทั้งจากเด็กและผู้ใหญ่ วันหนึ่ง บิลล์ ก็ได้หรับหนังสือจากประธานาธิบดี ให้ไปรับเหรียญกล้าหาญบิลล์ต้องเดินทางไปรับเหรียญทางรถไฟ ขณะที่รถไฟจอดพักที่สถานีหนึ่ง เขากับเพื่อนเดินทางไปเกินเล่นและพบแผงขายหนังสือแห่งหนึ่ง มีการ์ตูนเรื่องเของเขาห้อยขายอยู่เต็ม เพื่อนของเขาหยิบมาดู และชี้ให้ดูรูปหน้าปกที่เป็นรูปของเขา พอดีคนขายหนังสือมาเห็นเข้า ก็รีบตะโกนเรียกพรรคพวกให้มาดูว่า นี่ไง บัฟฟาโล บิลล์ ตัวจริง ผู้คนก็เลยกรูกันมาดูหน้าเขา จนเขาต้องวิ่งกลับขึ้นรถไฟและล็อคประตูไว้ ตลอดทางหลังจากนั้น ทุกสถานีที่เขาผ่าน ก็จะมีคนมารอต้อนรับและขอลายเซ็นของเขาเต็มไปหมด บิลล์ต้องสมยอมไปพบฝูงคน แตะเขาไม่ได้ดีใจกับเรื่องพวกนี้ สิ่งที่เขาต้องการสุด คือต้องการพบลูกชาย ที่ภรรยาพาหนีมาอยู่บ้าน ตอนที่เขาทิ้งเธอไปเป็นคนนำทางให้กองทหารอเมริกันที่ไปรบชนะในสงครามอินเดียนแดงเมื่อถึงนนิวยอร์ค บิลล์ได้ข่าวร้ายว่าลูกชายป่วยหนัก และเมื่อเขาไปถึงบ้าภรรยา ก็สายไปแล้ว ลูกชายเสียชีวิตไปต่อหน้า เขาจึงถามหมอที่รักษาลูกของเขาว่า ใครฆ่าลูกชายเขา หมอบอกว่า เป็นเชื้อโรคในเมืองที่สิวิไลซ์ เนื่องจากลูกชายเขาเกิดในตะวันตก ซึ่ออากาศบริสุทธิ์ ไม่มีภูมิต้านทาน จึงป่วยและเสียชีวิตบิลล์โกรธมาก เขาไม่ยอมไปรับเหรียญที่ประธานาธิบดีแจกในพิธีรับเหรียญผู้กล้าหาญจากสงครามอินเดียนแดง
เมื่อมาพบเพื่อนซี้ ที่ไปรับเหรียญแทนเขาในร้านแก่งหนึ่ง เพื่อเขาบอกว่า ประธานาธิบดีเข้าใจ ที่เขาไม่ยอมไปรับเหรียญ (ลูกชายตาย) ตอนนี้บิลล์กลายเป็นคนขี้เมา เขาพูดวิจารณ์เสียงดังในร้านเรื่องคนตะวันออก และพูดดูถูกเหรียญอย่างดังว่า "นั่นหรือคือสิ่งที่เขาให้ฉันเป็นรางวัลในการฆ่าอินเดียนแดง" คำวิจารณ์ของเขามีพวกไฮโซเอาไปพูดต่อกัน และสื่อมวลชนก็เอาไปโจมตีเขามากมายมีการจัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะในการปราบพวกอินเดียนแดงในนิวยอร์ค มีประธานาธิบดีมาร่วมด้วย และเชิญบิลล์ไปปรากฎตัว และเชิญให้กล่าวคำพูดเกี่ยวกับอินเดียนแดง โดยประธานจัดงานได้อ้างคำพูดของนายพล เชอร์แมน (WillianTecumseh Sherman) ที่เคยกล่าวไว้ว่า "อินเดียนแดงที่ดีมีอยู่คนเดียว คืออินเดียนแดงที่ตายแล้ว (the only good Indian, is a dead Indian.) และแนะนำแขกว่า บิลล์คือแขกรับเชิญที่รู้จักอินเดียนแดงมากกว่าใครๆ จึงขอให้เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ความจริงมีการร่างคำพูดให้เขาอ่านในการปราศรัยครั้งนี้ แต่บิลล์โยนมันทิ้ง และพูดจากความรู้สึกส่วนตัวของเขาเอง ซึ่งเข้าข้างอินเดียนแดง และขัดแย้งกับคำพูดของนายพล เชอร์แมน อย่างรุนแรง ส่วนหนึ่งของคำพูดเขามีว่า "I don't hold with Gen. Sherman that the good Indian is a dead Indian.
For what I have seen The Indian is a free born american, who fight for his folk, for his land, for his living, just like any american. If you know the Indian, if you could see them for yourself, how they live against nature with nothing with but their bare hands, you'll never force them to break treatee to keep from starving.
But the trouble is, you East don't know what you are doing, that's why we westerners and Indians has to suffer!.
There is only one Indian you know, and that you ever thought about, (หยิบเหรียนเพนนีจากกระเป๋า โยนไปบนโต๊ะ ต่อหน้าประธานจัดงาน) here he is, Mr. Vanner Vir, the Indian, on your penny! (เห็นแก่เงิน)"ผมไม่เห็นด้วยกับนายพล เชอร์แมน ที่ว่า อินเดียนแดงที่ดีคืออินเดียนแดงที่ตายแล้ว สิ่งที่ผมได้เห็นมา พวกอินเดียนแดงคือคนอเมริกันที่เกิดมามีอิสระเสรี ที่ต่อสู้เพื่อผู้คนเผ่าเขา เพื่อแผ่นดินของเขาา เพื่อความอยู่รอดของเขา เหมือนคนอเมริกันทุกคน ถ้าคุณรู้จักอินเดียแดง ถ้าคุณได้พบพวกเขาด้วยตัวคุณเอง ว่าเขาอยู่ต่อสู้กับธรรมชาตอย่างไรด้วยสองมือเปล่าของเขาโดยไม่มีอะไรช่วย คุณจะไม่บีบเขาให้ละเมิดสนธิสัญญาเพื่อให้รอดจากการอดตาย แต่ปัญหาคือ คนตะวันออกอย่างพวกคุณไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้คนตะวันตกอย่างเราและพวกอินเดียนแดงต้องได้รับความทุกข์ยากลำบาก มีอินเดียนแดงคนเดียวที่คุณรู้จัก และที่พวกคุณเคยคิดถึง (หยิบเหรียนเพนนีจากกระเป๋า โยนไปบนโต๊ะ ต่อหน้าประธานจัดงาน) นี่ไง อินเดียนแดงบนเหรียญเพนนี"
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|